วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

วิเคราะห์วรรณกรรม "หลายชีวิต " ในแง่มุมสะท้อนบทบาททางพระพุทธศาสนา ๓



วิเคราะห์วรรณกรรม "หลายชีวิต " ในแง่มุมสะท้อนบทบาททางพระพุทธศาสนา ๓
ต่อ ...


                จากที่กล่าวมาแล้วท่านจะเห็นได้ว่า แม้ว่าบทประพันธ์ หลายชีวิตจะไม่ได้แสดงออกถึงความมีบทบาทและอิทธิพลของพระพุทธศาสนาต่อสังคมไทย แต่เราก็สังเกตได้ว่ามูลเหตุที่ท่านคึกฤทธิ์และคณะได้ตั้งใจจะเขียนเรื่องสั้นนี้ เป็นนิยาย ก็มาจากสิ่งแรกคือ มูลเหตุกรรมใดที่นำมาเป็นเช่นนี้”  จากที่กล่าวนี้ ท่านจะเห็นได้ว่า มูลเหตุแห่งการเขียนนิยายกาจากอิทธิพลของพระศาสนา เป็นหลักใหญ่ อย่างน้อยที่สุด กฏแห่งกรรมก็เป็นสิ่งหนึ่งที่บันดาลใจให้ท่านคึกฤทธิ์และนักเขียนทุกท่านใช้เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลและเป็นแรงบันดาลใจในการเขียน

                มีผู้กล่าวว่ากวีหรือนักเขียนก็เหมือนกับจิตกร นักวาดภาพ เพราะทั้งงานเขียนและภาพวาดต้องอาศัยแรงบันดาลใจเป็นสำคัญ หลายชีวิตจึงเป็นหนึ่งในบทประพันธ์ที่กล่าวถึงความมีอิทธิพลของพระพุทธศาสนาต่อสังคมไทยได้เป็นอย่างดี น้อยจากจะมีมูลเหตุที่กล่าวไปแล้วนั้น ในเนื้อเรื่องที่เป็นเรื่องสั้น หลาย ๆ เรื่องต่อกันนั้น บทเรื่องสั้นนั้น ๆ ก็แสดงออกมาให้เห็นถึงความมีบทบาทและอิทธิพลของพระพุทศาสนาอยู่ไม่มากก็น้อย แต่เรื่องที่จะไม่มีความเกี่ยวข้องเลยนั้น หากได้มีในบทประพันธ์ของท่านคึกฤทธิ์ไม่     จึงกล่าวได้ว่าศาสนาก็เป็นส่วนสำคัญไม่น้อยต่อบทวรรณกรรมชิ้นต่าง ๆ

                นอกจากรวมเรื่องสั้น ที่นำมาร้อยเรียงเป็นนิยาย หลายชีวิตจะแสดงสื่อถึงความเป็นไปของบทบาทและอิทธิพลของพระพุทธศาสนาแล้ว ในเนื้อเรื่องของเรื่องสั้นบางบทยังมีความคุ้นเคืองที่ผู้อ่านจะต้องใช้วิจารณาญเป็นส่วนประกอบ ยกตัวอย่างเช่น ละม่อม” 

                บทเรื่องสั้น ละม่อมเป็นบทประพันธ์ที่ท่านคึกฤทธิ์แสดงออกถึงความคิดที่แปลกไปจากเรื่องสั้นในนิยาย หลายชีวิตอื่น ๆ ที่กล่าวว่าแปลกนั้นมาจากการที่ยกบทมาตุฆาต หรือการฆ่ามารดาของละม่อม เป็นเหตุแสดงออกมา   ชีวิตของละม่อนนั้นเป็นชีวิตที่ต้องอยู่ในสภาพที่เก็บกด และทนรับภาระที่ตนได้รับการบังคับ และการด่าทอ  มารดาที่ไม่เปิดโอกาสให้แก่ละม่อม ไม่ให้โอกาสทางการศึกษา ไม่คิดที่จะส่งเสริมเรื่องใด  ๆ  ละม่อมอยู่กับสิ่งเหล่านี้ด้วยคำว่ากตัญญู โดยยินดีที่จะกระทำทุกสิ่งเพื่อให้มารดาของตนมีความสุข มารดาของละม่อนก็หาได้เป็นผู้ที่มีจิตใจดีเฉกเช่นบุตรของตนไม่ กลับซ้ำร้าย เมื่อละม่อมต้องแลกความรักกับชายที่ตนใฝ่หาและต้องการที่จะอยู่ร่วมชีวิต ละม่อมถูกมารดาของตนใช้ความว่ากตัญญูเป็นมูลเหตุที่กักขังและจองจำชีวิตของละม่อมให้โดดเดี่ยวและเดียวดายตลอดไป    จดหมายสองสามฉบับที่สนิท ชายผู้เป็นที่รักและแสงสว่างแห่งชีวิตที่มืดมน เขียนมาส่งให้กับละม่อน เพื่อทวงสัญญาที่จะอยู่ด้วยกัน และอีกสองฉบับต่อมาเป็นการเขียนเชิงน้อยใจของสนิทที่ละม่อมมิได้เห็นใจต่อความรักและสุดท้ายด้วยจดหมายลาเพื่อไปแต่งงานกับหญิงที่ตนรัก

                มาตุฆาตเกิดขึ้นในคืนที่ละม่อมพบซองจดหมายและเนื้อความทั้งหมด  มารดาของละม่อนไม่มีลมหายใจเสียแล้ว ละม่อมใช้แรงที่มีอยู่ทั้งหมดกดหมอนใบที่มารดใช้หนุนนอน กดเข้าไปที่ใบหน้าของมารดา และทุกสิ่งก็สิ้นไป

                คำถามที่เกิดขึ้นอยู่ในใจของผู้อ่านคือละม่อม ผิดหรือไม่

                บางท่านคงกล่าวว่าผิดเป็นแน่ และบางท่านก็อาจนึกชั่งในใจว่าควรจะตอบคำถามอย่างไรดี  ไม่ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร จะเป็นความผิดที่ควรแก่การประจานหรือการว่ากล่าวอย่างรุนแรง หรือจะเป็นความคิดที่ว่าเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีเหตุปัจจัยแห่งตัวของมัน  ไม่ว่าความคิดที่กล่าวถึงละม่อม จะเป็นไปในทิศทางใด สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นกับทุกคนที่อ่านและรับทราบ คือ การเป็นผู้ตกอยู่ในอิทธิพลและความมีบทบาทของพระพุทธศาสนา

                ที่กล่าวนี้ บางท่านอาจจะกล่าวเป็นไปไม่ได้ แต่กระนั้นก็ตามผู้เขียนใคร่ขอให้ท่านได้พิจารณาว่า ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาที่กล่าวถึงความมีเมตตาธรรมเป็นสิ่งแรกใช่หรือไม่ หากใช่แล้ว หลักมนุษยธรรม ที่เป็นหลักที่ไม่อิงกับศาสนาใด ก็ย่อมเหมือนกับหลักธรรมความคิดนี้เป็นแน่แท้

                การตกเป็นผู้อยู่ภายใต้อิทธิพลของพระพุทธศาสนาหาเป็นเพราะท่านนับถือศาสนาพุทธเพียงอย่างเดียวไม่ การที่ท่านอยู่ในสังคมที่โอบอุ้มด้วยพระศาสนาก็เป็นสิ่งที่กล่าวได้แล้วว่า ท่านเป็นผู้อยู่ภายใต้อิทธิพลแห่งสังคม โดยสังคมได้รับอิทธิพลต่อจากพุทธศาสนา ด้านหลักธรรม  ความคิดที่เกิดขึ้นในใจ หลักจากที่ผู้อ่านได้อ่านเรื่องสั้น ละม่อมเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงการเป็นผู้หนึ่งในสังคมของผู้อ่านท่าน    นั้น ๆ  แม้ว่าท่านจะไม่ได้นับถือพุทธศาสนาก็มิอาจจะปฏิเสธได้ว่า สังคมไทยไม่ได้อิทธิพลจากพระพุทธศาสนา     จะอย่างไรก็ตาม เรื่องสั้นนี้ ก็แสดงออกมาให้ท่านได้ทราบถึงความเปลี่ยนแปลงไปแห่งกาลเวลาและยุคสมัย ทั้งทัศนะความคิดและบทบาทและอิทธิพลของพระพุทธศาสนาด้วยเช่นกัน

                แม้ในอดีตมาตุฆาตเป็นเรื่องบาปและปัจจุบันก็เป็นไปเช่นนี้ แต่กระนั้นบทบาทพระพุทธศาสนาต่อการอธิบาย ที่ไม่สามารถอธิบายโดยตัวของธรรมะได้อย่างเดียวไม่ จำเป็นที่จะต้องใช้หลักทางวิทยาศาสตร์และอื่น ๆ เข้าประกอบ เราจะเห็นได้ในปัจจุบันว่า ไม่มีพระสงฆ์รูปใดที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ผู้กระทำมาตุฆาต โดยมีความวิกลจริต   หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในอดีตย่อมมีการวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ว่าผู้กระทำจะเป็นผู้วิกลจริตหรือไม่ก็ตาม

                สิ่งเหล่านี้ที่ปรากฏต่อบทประพันธ์ของท่านศึกฤทธิ์ เป็นสิ่งที่แสดงออกถึงความคงอยู่ของพระพุทธศาสนา และการปรับเปลี่ยนไปของคนในแต่ละยุคสมัย   หากเนื้อเรื่องเดียวกันนี้ มีในสมัยโบราณ อาจจะเป็นถกเถียงและเห็นชอบด้วย แต่ด้วยเนื้อเรื่องที่อิงกับยุคสมัยปัจจุบัน จึงไม่แปลกที่จะมีผู้กล่าวว่า การกระทำของละม่อมต้องพิจารณาจากองค์ประกอบอื่น ๆ ร่วมด้วย ว่ามูลเหตุเป็นเช่นใด และการจะกล่าวว่าละม่อมผิดบาปนั้น เราผู้เป็นปุถุชนก็อาจจะไม่สามารถกล่าวตัดสินได้ ไม่ว่าทัศนะของผู้คนจะเป็นเช่นใด สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นคือ การเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี และไม่ควรเอาเป็นแบบอย่าง ของพฤติกรรมของตัวละคร

                ในบทนี้ เนื่องจากการต้องการอธิบายความเป็นไปแห่งบทบาทและอิทธิพลของพระพุทธศาสนาต่อสังคมไทย ดังนั้นการที่จะอธิบายโดยการโยงเพียงหลักธรรมกับสังคม หรือการนำสังคมมาเปรียบเปรยเพียงอย่างเดียวก็หาเป็นการอธิบายคำตอบได้ดีไม่ ผู้เขียนจึงนำวิชาความรู้ที่ตนสนใจประกอบการเป็นผู้อ่านมามาก มาจัดเรียงถ้อยประโยคให้ออกมาเป็นบทหนึ่งในเอกสารรายงาน ด้วยหวังว่าจะมีประโยชน์ต่อท่านผู้สนใจและใคร่พิจารณาสังคมและบทบาท อิทธิพลของพระพุทธศาสนาในแง่มุมใหม่ ๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น