วิเคราะห์วรรณกรรม "หลายชีวิต " ในแง่มุมสะท้อนบทบาททางพระพุทธศาสนา ๑
การวิเคราะห์วรรณกรรมไทย
ในบทนี้ครูจะนำบทงานเขียนที่ปรากฏอยู่ในรายงานกระบวนวิชา
บทบาทพระพุทธศาสนากับสังคมไทย ของมหาวิทยาลัยรามคำแหง มาให้เป็นแนวนทางสำหรับทุก ๆ
ท่านได้นำเป็นแนวทางในการวิเคราะห์วรรณกรรม
ถึงแม้วว่าจะไม่ละเอียดมากนักและไม่ตรงตามหลักการวิเคราะห์เสมอไป
ครูก็อยากให้ผู้อ่านได้ความรู้จากเนื้อหานี้บ้างไม่มากก็น้อยครับ
บทที่
๘
การเข้ามามีบทบาทและอิทธิต่อความคิดของกวี
ในวรรณกรรม ของพระพุทธศาสนา
เขียนโดย
สุรเดช ภาพันธ์
สังคม
มีมนุษย์ที่อยู่รวมกันเป็นส่วนสำคัญ ความคิด การกระทำ การแสดงออก
และทัศนะความคิดเห็นเป็นสิ่งที่มนุษย์กระทำ
โดยเลียนแบบซึ่งกันและกันทั้งความดีและความเลว
กวีเป็นอีกผู้หนึ่งในสังคมที่สรรสร้างบทความทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง
ออกมาเพื่อถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึก ความนึกคิดของสังคม และความเป็นไปแห่งจิตนาการ
เมื่อมนุษย์มีชีวิต
สิ่งที่ใหญ่หลวงเหลือเกินของมนุษย์ในห้วงหนึ่ง ที่ย่อมปรารถนาให้ประสบพบเจอ
นั้นก็คือ ความรัก ไม่ว่าความรักนั้นจะเป็นสิ่งใด ๆ เป็นความจริงอันประเสริฐ
หรือความทุกข์เลวร้ายอันระทม มนุษย์ต่างแสวงหา
หรือแม้กระทั่งฉุดคร่านเอามาเพื่อเป็นเจ้าของ เป็นผู้ปกครองของมัน
บทกวีส่วนใหญ่จึงใช้อารมณ์แห่งปรารถนานี้เป็นส่วนหลักในการสร้างผลงานวรรณกรรม
แต่ในสภาพสังคมไทยที่มีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาหลักและเป็นศูนย์รวมทางจิตใจ
จึงไม่น่าจะต้องสงสัยที่บทบาทและอิทธิพลของพระพุทธศาสนาจึงเข้ามามีบทบาทและความสำคัญ
ต่องานวรรณกรรมไม่ว่าจะเป็นสมัยใด จากอดีตจนถึงปัจจุบัน
ในบทนี้ผู้เขียนและคณะได้ช่วยกันออกค้นหาข้อมูล และงานวรรณกรรมต่าง ๆ
เพื่อนำมาสรุปว่า ณ ปัจจุบัน
บทบาทของพระพุทธศาสนายังคงมีความสำคัญต่อผลงานทางด้านวรรณกรรมหรือไม่
และเป็นไปในลักษณะอย่างไร
สำหรับผู้เขียนเอง
เป็นผู้ที่สนใจและศึกษาอยู่ในวงการภาษาไทยมาบ้างพอสมควร
ประกอบกับได้เข้าศึกษาในกระบวนวิชาโท เป็นด้านภาษาไทยโดยตรง จึงมีความรู้ในด้านการแต่งบทประพันธ์และการวิจักษ์วรรณคดี
หรือการวิเคราะห์วิจัย และตีความจากงานเขียน หรือผลงานวรรณกรรม ความหมายโดยรวมของคำว่า วรรณกรรม
ก็คือผลงานเขียนที่แต่งถ่ายทอดออกมาจากจิตนาการหรืออาจจะเป็นเรื่องราวที่เป็นกึ่งความจริงหรือเป็นความจริงเลยก็ได้ ทั้งนี้จากการให้ความหมายของพจนานุกรม
ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ปีพุทธศักราช ๒๕๔๒
ได้ให้ความหมายว่า “
งานหนังสือ หรืองานนิพนธ์
ไม่ว่าแสดงออกมาโดยวิธีหรือรูปแบบอย่างใด เช่นหนังสือ จุลสาร เป็นต้น”
สำหรับงานวรรณกรรมเองในปัจจุบัน
มีความหมายที่ปลีย่อยมากเกินว่าจะรียนว่าวรรณกรรมคือ นวนิยาย หรือนิยาย แต่เพียงอย่างดียว
ทั้งนี้หากจะแยกเอาความหมายโดยแท้จริงของวรรณกรรม
ก็จะต้องแยกเป็นสองหัวข้อหลักใหญ่ ๆ คือ
-วรรณกรรมที่เป็นประเภท ร้อยกรอง
เช่นเสภาขุนช้างขุนแผน อิเหนา พระอภัยมณี
เป็นต้น
-วรรณกรรมที่เป็นประเภท ร้อยแก้ว เช่น
นวนิยาย สารคดี งานเขียนอื่น ๆ โดยทั่วไป
โดยการแต่งไม่คำนึงถึงการเขียนให้มีสัมผัสคล้องจองแต่อย่างใด
สิ่งที่น่าสนใจสำหรับการศึกษาเรื่องบทบาทและอิทธิพลของพระพุทธศาสนาต่อวรรณกรรม
นี้ เห็นได้จะมาจากการที่ได้อ่านนวนิยาย นิยาย บทกวี งานวรรณกรรม
ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง ที่หากมิใช่ผลงานวรรณกรรมแปลแล้ว ผลงานวรรณกรรมนั้น ๆ
มักจะมีส่วนที่แสดงอิทธิพลของพระพุทธศาสนาทั้งทางตรงและทางอ้อม
ซึ่งผู้อ่านจะทราบได้เองโดยการรับสารจากการอ่าน
จึงเป็นที่น่าสังเกตว่า หากเราจะกล่าวว่า ณ ปัจจุบัน บทบาทของพระพุทธศาสนา
ในสังคมไทยมีน้อยมากแล้ว เหตุใด งานวรรณกรรมซึ่งเป็นผลงานที่มีความสำคัญต่อมนุษย์
ซึ่งอยู่ร่วมกันในสังคมจึงยังคงมีบทบาทนี้อยู่และเหตุใด
วรรณกรรมโดยส่วนมากจึงคงไว้ซึ่งบทบาทนี้
ในเมื่อกวีที่แต่งวรรณกรรมก็เป็นผลพลอยจากการสรรสร้างของสังคมเช่นกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น