วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ประสบการณ์ในการสอนภาษาไทย


ประสบการณ์ในการสอนภาษาไทย

                ครูเดช มีประสบการณ์ในการสอนวิชาภาษาไทย และแก้ไขปัญหาข้อบกพร่องในการใช้ภาษาไทย มีผู้ปกครองและนักเรียนที่สนใจรับการเรียนการสอน และมีผลการพัฒนาด้านการใช้ภาษาไทย ได้ดีขึ้น เป็นที่น่าพอใจ แล้วหลายท่าน ด้วยการเรียนการสอนของคุณครูเดช ที่ไม่สอนแต่เพียงในตำราเพียงอย่างเดียว การสอนที่สนุก เป็นกันเอง มีการทำความเข้าใจต่อปัญหาแต่ละกรณีของนักเรียนที่ใช้ภาษาไทยต่าง ๆ กัน ครูเดช เน้นการทำความเข้าใจอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ภาษาไทยเป็นภาษาประจำชาติไทยก็จริง แต่จะมีสักกี่สิบคนที่ใช้ภาษาไทยได้อย่างถูกต้อง และเชี่ยวชาญ  การที่เราไม่สามารถพูดหรือใช้ภาษาอังกฤษได้ดี นับว่าไม่ใช่เรื่องที่น่าอายสำหรับคนไทย แต่การอ่าน เขียน พูด และใช้ภาษาไทย ได้ไม่ดี และไม่ชัดเจนนั้นถือว่าเป็นปัญหาและน่าอายมากกว่า การเชี่ยวชาญในภาษาไทย และใช้ภาษาไทยได้ดีจึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ครูเดช ห่วงใยที่สุด


ภาษาไทย มูลเหตุปัญหาที่เยาวชนไทยกำลังเผชิญ
                ลูกศิกษ์ทราบหรือไม่ครับ ว่าปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญกับการใช้ภาษาไทยที่ผิดเพี้ยนไป จากประสบการณ์ที่คุณครู ได้สอนนักเรียนระดับชั้นอนุบาล ๒ ประถมศึกษา เห็นวานักเรียนไทยในปัจจุบัน มีปัญหาในการใช้ภาษาไทยเป็นอย่างมากครับ ไม่ว่าจะไม่สามารถประสมเสียงสระ ได้ จำสระไม่ได้ อ่านประสมเสียงพยัญชนะกับสระไม่ได้ ตลอดจนไม่สามารถเขียนคำยาก ๆ ได้ หรือเขียนคำเป็นกระบวนประโยคไม่ได้ หรือเขียนได้ไม่ถูกต้อง มูลเหตุปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นจากสิ่งใด ?
              
ชาติไทยเป็นเพียงชาติเดียวเท่านั้นทีรอดพ้นจากการตกเป็นเมื่องขึ้นของต่างชาติได้ ด้วยพระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าของไทย  ที่ทรงปกป้องบ้านเมืองจนไทยเป็นไทในปัจจุบัน ในอดีตคนไทยบางท่านอาจน้อยใจที่เรียนภาษาอังกฤษหรือภาษาต่างชาติไม่ได้เลย เพราะเราไม่ได้ใช้ในชีวติประจำวัน แต่ในปัจจุบันด้วยความทันสมัยแห่งเทคโนโลยี และระบบการศึกษาไทยที่ก้าวหน้าไปมาก ทำให้การเรียนภาษาต่างประเทศเป็นไปได้ง่ายและนักเรียน เยาวชนไทยมีโอกาสได้ใช้ภาษาต่างประเทศได้มากขึ้น แต่กระนั้น ความพัฒนาที่รวดเร็วจนเกินไป ส่งผลเสียอย่างมากต่อสังคมไทย และภาษาไทย

                นักเรียนไทยเป็นจำนวนมากยังสับสนในการใช้ภาษาไทย ไม่ทราบว่า ฎ (ดอ ชฎา) และ ฏ (ตอ ปฏัก) ต่างกันอย่างไร  จากกรณีที่ได้สอนนักเรียน นักเรียนบางคน อ่าน ฎ ชฎา ว่า ชอ ชฎา และยังมีปัญหาในการเขียนอีกมาก ไม่ว่า จะเป็นการจำสับสนระหว่างการเขียนพยัญชนะหัวเข้าด้านในหรือหัวออกด้านนอก  ตลอดจนการเขียนเลขไทยไม่เป็น อ่านเลขไทยไม่ออก เขียนเลขไทยไม่ถูก

                ปัญหาที่สำคัญของเยาวชนไทยต่อการใช้ภาษาไทยนั้นก็คือการใช้ภาษาต่างประเทศทับศัพท์ในภาษาไทย เช่นกรณีนักเรียนอนุบาล ๒ พูดว่า คุณครูได้หนึ่งพอยท์ซึ่งเป็นการพูดทับศัพท์คำว่าคะแนน เป็นต้น

                     ใครว่าภาษาไทย คนไทยไม่มีปัญหา อยากจะเรียนให้ท่านทั้งหลายทราบว่า คนไทยนี้แหละที่ใช้ภาษาไทยผิดเพี้ยนไปมากที่สุด  บางท่านที่เคยศึกษาด้านภาษาศาสตร์มาบ้าง อาจกล่าวว่า อันเนื่องด้วย ภาษาไทยเป็นภาษาที่อยู่ในตระกูลยังไม่ตาย เช่นภาษาบาลี ภาษาไทยจึงมีการเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดา ตราบใดที่ภาษายังมีชีวิต จริงอยู่ในประเด็นนี้ คุณครูไม่ขอแย้ง แต่การใช้ภาษาที่ไม่ถนอม แม้เป็นสิ่งของสักวันคงมีวันเสื่อม และชำรุดไปในที่สุด กระผมเห็นว่า การที่มีข้อความแสลง คำพูดแปลก ๆ ของเด็กวัยรุ่น หรือ อื่น ๆ คุณครูรู้สึกดีใจที่ภาษาไทยยังไม่ตาย แต่ประกอบไปด้วยความรู้สึกว่า นับวันภาษาที่ใช้ยิ่งเสื่อมถอย  มีอยู่สิ่งหนึ่งที่กระผมไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย คือการที่ ฝรั่งพูดไทยได้ชัดเจน และถูกต้อง   หรือเราจะรอวันที่ให้ชาวต่างชาติต่างภาษามาสอนภาษาไทยเราหรือ ?

                เหตุใดในที่นี้คุณครูจึงกล่าวเรียก ภาษาอังกฤษ ว่าเป็นภาษาต่างประเทศ ทั้งที่ความเข้าใจของท่านบางท่านเห็นว่าควรใช้ว่า เป็นภาษาที่สอง  ต้องเรียนอธิบายว่า ด้วยคำว่าภาษาที่สอง นั้นหมายถึง ภาษาราชการ เช่นในสิงคโปร์ จะใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ แต่พื้นเพคนในประเทศเป็นคนจีน ดังนั้นจะมีการใช้ภาษาจีน เรียกว่าเป็นภาษาที่ ๑ และภาษาอังกฤษ เรียกว่าเปนภาษาที่ ๒ เพราะเป็นภาษาบังคับให้เรียนให้พูด เวลาติดต่อราชการ  ส่วนในประเทศไทย เราใช้ภาษาไทยกรุงเทพ ฯ เป็นภาษาราชการ ดังนั้น เราจึงไม่เรียกว่าภาษาอังกฤษและภาษาต่างประเทศอื่น  ๆเป็นภาษาที่สองในประเทศไทย 

                  เมื่อพูดถึงภาษาอังกฤษ ก็นึกขึ้มาได้ว่า คนไทยส่วนมามีปัญหาเวลาพูดถึงภาษาอังกฤษ ด้วยที่คนไทยมักพูดว่า ภาษาอังกิดโดยที่แท้จริง แล้ว จะต้องออกเสียง ร เรือ จากกฏทางภาษาศาสตร์ที่ว่า หาก ฤ ร รึ เป็นพยัญชนะ นำหน้าอักษรอื่น ให้อ่านว่า รึ  แต่หากเป็นสระ เช่นในคำว่า อังกฤษให้อ่านว่าตัวริ   เท่ากับอ่านคำนี้ว่า อังกริด อ่านควบกล้ำ ร เรือ กับ ก กอไก่


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น